วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ในพิธีสรงน้ำพระธาตุประจำปี 2566 และ ทอดผ้าป่าสามัคคี 17 มิถุนายน 2566 ดร.ฉวีวรรณ คำพา ประธานทอดในครั้งนี้
เนื่องด้วย วันที่ 17 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น. พระครูปลัดคุณวัฒน์ (วรกร เขมปัญโญ) ครูบาร์น้อบ สิริอายุ 34 ปี พรรษา เจ้าอาวาสวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดงานสรงน้ำพระธาตุประจำปี 2566 และทอดผ้าป่าสามัคคี โดยมี. ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ และฉวีวรรณกรุ๊ป มาเป็นประธาน ในพิธีสรงน้ำพระธาตุ และ ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อก่อสร้างอาคารพระธรรม สำหรับสามเณร จำนวน 4แสนบาท ส่วน ดร.ฉวีวรรณ ได้ร่วมบุญ 5แสนบาท เพื่อชื้อ โต๊ะเรียน ของสามเณร เป็นเด็กชาวเขา อีกด้วย
วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว เดิมชื่อ “วัดสะหลีเวียงแก้ว” วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ สันนิษฐานว่าอาจก่อสร้างมาแต่กาลสมัยอาณาจักรหริภุญชัย เรืองรุ่ง ด้วยว่าได้ขุดพบซากฐานอาคารและก้อนอิฐโบราณ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือสกุลเชิงช่างสมัยหริภุญชัย และ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้วอาจสร้างขึ้นในสมัยพระนางเจ้าจามเทวี และเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องมาถึงราชวงศ์มังราย กระทั่งเชียงใหม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าราวปีพุทธศักราช 2111 ทำให้พระสงฆ์ไม่สามารถดำรงสมณเพศอยู่ได้ บางรูปก็ลาสิกขา บางรูปก็หลบหนีไปอยู่ยังเมืองอื่น ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้วัดวาอารามในเมืองเชียงใหม่ร้างไปกว่า200 ปี ต่อมาภายหลังพระเจ้ากาวิละขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ ถึงยุคฟื้นม่านแป๋งเมือง ได้รวบรวมไพร่พลประชากรกลับเข้ามาฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง อีกทั้งบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ กวาดต้อนเอาชาวเมืองเชียงแสนมาตั้งครัวเรือนอยู่ที่เมืองอยู่เป็นจำนวนมาก และมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมาตั้งหมู่บ้านในเขตเมืองดอยสะเก็ด
ตั้งชื่อหมู่บ้านของตนว่า “บ้านปูเลย” มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง จึงได้พากันสร้างวัดเพื่อเป็นสถานบำเพ็ญบุญประจำหมู่บ้านและได้พบว่าในบริเวณหมู่บ้านปูเลยนั้นปรากฏซากโบราณสถานซึ่งเป็นวัดร้างมาแต่เดิม จึงพากันบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างแห่งนั้นให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ในปีพุทธศักราช 2354 ได้อาราธนา ครูบาหลวงธนัญไชย จากวัดสันต้นดู่ มาเป็นประธานในการบูรณปฏิสังขรณ์ และเป็นปฐมเจ้าอาวาสรูปแรก เพื่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่าง ๆ ขึ้น โดยได้รับความอุปถัมภ์จาก เจ้าหลวงธัมมลังกาช้างเผือก ให้ความอุปถัมภ์ในการบูรณปฏิสังขรณ์และก่อสร้างเสนาสนะดังกล่าว จนทำให้วัดเจริญสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ตามที่ปรากฏในเอกสารโบราณเกี่ยวกับการจัดหมวดอุโบสถ ซึ่งเป็นการจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ในสมัยโบราณของล้านนา
ทั้งนี้เอกสารที่ปรากฏการจัดหมวดอุโบสถเป็นครั้งแรกนั้นคือ ปีพุทธศักราช 2365 และเอกสารการจัดหมวดอุโบสถครั้งสุดท้ายเมื่อปีพุทธศักราช 2449 ความว่า ปีพุทธศักราช 2424 – 2433 วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ขึ้นตรงต่อ หมวดอุโบสถวัดสันต้นดู่ อยู่นอกเวียงเชียงใหม่ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งมีทั้งหมด 15 วัด ที่กล่าวถึงความว่า “วัดปูเลย นิกายเชียงใหม่ ตั้งอยู่บ้านสันปูเลย แคว้นหนองกอก เจ้าอธิการชื่อ ธุอินทะ ยังไม่ได้เป็นอุปัชฌาย์ รองอธิการชื่อ ธุคันธะ มีพระลูกวัดจำนวน 2 รูป เณร 8 รูป ขึ้นแก่วัดสันต้นดู่” เข้าใจว่า วัดสันปูเลยนั้นเรียกตามชื่อหมู่บ้านสันปูเลยนั่นเอง ในบริเวณวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว มีต้นโพธิ์ใหญ่อันเป็นที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ5 ต้น ซึ่งภาษาล้านนา จะเรียกต้นโพธิ์ว่า “ไม้สะหลี” และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป มักเรียกว่า “เวียงแก้ว” ซึ่งพระพุทธเจ้า มีศักดิ์ฐานะเป็นเชื้อสายกษัตริย์ อีกทั้งบริเวณบ้านสันปูเลยนี้ปรากฏหลักฐานว่ามี เจ้านายฝ่ายเหนือ มาสร้างคุ้มหลวง เพื่อปกครองทัพและชาวเมืองเชียงแสน จึงเรียกชื่อวัดนี้ตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏ คือ ต้นโพธิ์ ว่า “วัดสะหลีเวียงแก้ว” อีกชื่อหนึ่ง วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ตามที่ปรากฏในเอกสารโบราณเกี่ยวกับการจัดหมวดอุโบสถ
ซึ่งเป็นการจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ในสมัยโบราณของล้านนา ทั้งนี้เอกสารที่ปรากฏการจัดหมวดอุโบสถเป็นครั้งแรกนั้นคือ ปีพุทธศักราช 2365 และเอกสารการจัดหมวดอุโบสถครั้งสุดท้ายเมื่อปีพุทธศักราช 2449 ความว่า ปีพุทธศักราช 2424 – 2433 วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ขึ้นตรงต่อ หมวดอุโบสถวัดสันต้นดู่ อยู่นอกเวียงเชียงใหม่ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งมีทั้งหมด 15 วัด ที่กล่าวถึงความว่า “วัดปูเลย นิกายเชียงใหม่ ตั้งอยู่บ้านสันปูเลย แคว้นหนองกอก เจ้าอธิการชื่อ ธุอินทะ ยังไม่ได้เป็นอุปัชฌาย์ รองอธิการชื่อ ธุคันธะ มีพระลูกวัดจำนวน 2 รูป เณร 8 รูป ขึ้นแก่วัดสันต้นดู่” เข้าใจว่า วัดสันปูเลยนั้นเรียกตามชื่อหมู่บ้านสันปูเลยนั่นเอง ในบริเวณวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว มีต้นโพธิ์ใหญ่อันเป็นที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ5 ต้น ซึ่งภาษาล้านนา จะเรียกต้นโพธิ์ว่า “ไม้สะหลี” และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป มักเรียกว่า “เวียงแก้ว” ซึ่งพระพุทธเจ้า มีศักดิ์ฐานะเป็นเชื้อสายกษัตริย์ อีกทั้ง
บริเวณบ้านสันปูเลยนี้ปรากฏหลักฐานว่ามี เจ้านายฝ่ายเหนือ มาสร้างคุ้มหลวง เพื่อปกครองทัพและชาวเมืองเชียงแสน จึงเรียกชื่อวัดนี้ตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏ คือ ต้นโพธิ์ ว่า “วัดสะหลีเวียงแก้ว” อีกชื่อหนึ่ง วัดสันปูเลย ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับประกาศจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และโดยผ่านมติเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม ประกาศให้เปลี่ยนแปลงชื่อ “วัดสันปูเลย” เป็น “วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว” สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ( โดยปรากฏในประกาศราชกิจจานุเบกษาหน้าที่ ๒๐ เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๘๓ ง ลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ) มีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๗๐ เมตร ( อุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ )
เมื่อวันที่ 1 เดือน ตุลาคม 2344 และมีชื่อวัดใหม่ว่า “วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว” โดยตั้งอยู่บ้านสันปูเลย เลขที่ 66 หมู่ที่ 1 บ้านสันปูเลย ตำบลสันปูเลยอ อ.ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์ ในบริเวณวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว มีเนื้อที่ 12 ไร่ เศษฯ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ มูลนิธิพระครูบาน้อย เขมปัญโญ “เพื่อสงเคราะห์เลี้ยงเด็กกำพร้าผู้ยากไร้และการสาธารณสงเคราะห์” และ สมาคมศิษย์วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว จังหวัดเชียงใหม่